The Island Life on Sardegna — Martis หมู่บ้านนี้มีอะไรดี?

ไปทำอะไรที่ Martis? ทุกคนถามคำถามนี้ เมื่อรู้ว่าฉันมาถึงซาร์ดีเนียทั้งที แต่จะไปอยู่ Martis ตั้งสิบวัน อยู่ที่นี่สามสัปดาห์ ไม่ได้เจอชาวซา...

ไปทำอะไรที่ Martis?

ทุกคนถามคำถามนี้ เมื่อรู้ว่าฉันมาถึงซาร์ดีเนียทั้งที แต่จะไปอยู่ Martis ตั้งสิบวัน อยู่ที่นี่สามสัปดาห์ ไม่ได้เจอชาวซาร์ดีเนียนคนไหนที่เคยไปมาร์ติสเลยด้วยซ้ำ

ฉันบอกพวกเขาว่าจะไปเป็นอาสาสมัครอยู่ฟาร์มที่นั่น

รสบัสขับเข้ามาในหมูบ้านเล็กๆ นามว่ามาร์ติส ฉันมองไปรอบๆ อย่างตื่นตาตื่นใจ และตกใจกับความเล็กกระทัดรัดของหมู่บ้านแห่งนี้ ก่อนที่จะถามตัวเองในใจ...

นี่ฉันมาทำอะไรที่มาร์ติส?

มาร์ติสมีบาร์สามบาร์ มีขายพิซซ่าทุกสุดสัปดาห์ มีร้านขายของชำเล็กๆ หนึ่งร้าน ถามใครในหมู่บ้านก็รู้จักโจวานนี่ (Giovanni) โฮสของฉัน และที่คาดไม่ถึงคือมีไวไฟฟรีวันละสองชั่วโมงที่จตุรัสเล็กๆ ในเมือง




ฉันมาถึงที่หมู่บ้านนี้แต่เช้า ตามหาบ้านของโจวานนี่เจอแล้วก็จัดการกดกริ่งหน้าบ้าน เสียงหมาเห่าจากด้านในตอบรับกลับมา แต่ไม่มีใครมาเปิดประตู พอกดอีกครั้งประตูก็เปิดออกพร้อนกับอันเดรีย (Andrea) ซึ่งเป็นอาสาสมัครอีกคน เขาพาฉันเข้าไปในบ้าน เซเรน่า (Serena) แฟนสาวกำลังต้มชา เตรียมอาหารเช้าอยู่ในครัว ทั้งคู่ไม่ได้อยู่ที่นี่หรอก แต่เป็นอาสาสมัครจากโรม (Rome) ที่อยู่มาสักพักแล้ว ส่วนโจวานนี่นั้นตอนนี้ไม่ได้อยู่ซาร์ดีเนีย เพิ่งกลับไปทัสคานี (Tuscany) บ้านเกิดเมื่ออาทิคย์ที่แล้วเพราะไม่ค่อยสบาย เลยกลับไปหาหมอที่นู่น

อ้าว...เจ้าของฟาร์มดันไม่อยู่ซะงั้น

นั่งกินลูกฟิกหวานสดๆ จากสวนเป็นอาหารเช้า แล้วก็ได้พบกับแอนโทนี (Anthony) จากอเมริกา และโรเจอร์ (Roger) จากสวิตเซอร์แลนด์ อาสาสมัครค่อนข้าง long-term อีกสองคน พร้อมทั้งได้รับทราบข่าวร้ายว่าลูกแพะที่เพิ่งคลอดเมื่อวานนั้นตายไปเมื่อคืนนี้เอง

อืม...ส่วนเจ้าของฟาร์มก็ไม่อยู่นะ

แล้วก็ไม่มีใครเคยรีดนมแพะด้วย

สองสามวันแรกที่อยู่ที่นี่ก็รู้สึกแปลกๆ ไม่มีอะไรทำ ไม่รู้ว่าตัวเองควรจะทำอะไร รู้สึกผิดหวังเล็กน้อยที่ไม่มีทำน้ำผึ้ง (ผึ้งตายไปเมื่อช่วงหน้าหนาว) ไม่ได้ทำชีส (นมไม่พอ เมื่อก่อนที่ทำคือซื้อนมแพะมาจากที่อื่น) และไม่ได้อบหนมปัง ทำพิซซ่าอะไรสักอย่าง (เพราะอากาศร้อนอยู่แล้ว จะให้จุดเตาพิซซ่าอีกคงไม่ไหว)

หน้าที่ของฉันน่ะหรือ? ทำเค้กซุกินี่ไงล่ะ เพราะเรามีซุกินี่จากสวนเยอะมาก กินกันทุกมื้อแทนพาสต้าเลยทีเดียว

นอกจากนั้นก็ไปเก็บฟิกบ้าง เก็บเบอร์รี่บ้าง เพราะที่นี่ไม่ได้บังคับให้ทำอะไรที่ไม่อยากทำ แต่สนับสนุนให้เราได้ทำอะไรที่สนใจ สุดท้ายก็ปักหลักอยู่กับการทำอาหารเลี้ยงคนอื่นเนี่ยแหละ สนุกดี

ทุกอย่างเริ่ม make sense มากขึ้นเมื่อโจวานนี่กลับมา แล้วฉันก็เข้าใจว่าทำไมทุกคนที่อยากกลับมาที่นี่

…ว่าทำไมทุกคนถึงกลับมาที่นี่ เพราะทั้งอันเดรีย เซเรน่า แอนโทนีและโรเจอร์ต่างเคยมาอยู่ที่นี่ช่วงสั้นๆ แล้วตัดสินใจกลับมาอีกครั้ง

โจวานนี่เป็นคนที่มีพลังงานเยอะมาก แถมยังแผ่พลังงานของตนให้คนรอบข้างกระตือรือร้นอยากลุกขึ้นมาทำอะไรตลอดเวลา เขาเป็นคนรักสนุก และอยากให้อาสาสมัครทุกคนที่มาอยู่ในหมู่บ้านเล็กๆ แห่งนี้ได้มีช่วงเวลาดีๆ มากกว่าสิ่งอื่นใด ด้วยอายุเพียงแค่สามสิบต้นๆ เขาเดินทางท่องเที่ยว และใช้ชีวิตมาหลายประเทศมาก ฉันแปลกใจไม่น้อยที่เขาเลือกกลับมาอยู่ที่มาร์ติส แน่นอนว่าเขาไม่ได้ตั้งใจจะอยู่ที่นี่ไปตลอด แต่ต้องการจะสร้างชุมชนน่ารักๆ ขึ้นในเมืองแห่งนี้ต่างหาก

สรุปได้สั้นๆ ว่าโจวานนี่เป็นสีสันของฟาร์มแห่งนี้นั่นเอง จากตอนแรกที่เบื่อๆ อยากรีบออกจากฟาร์มไปอยู่เมืองริมทะเล ก่อนจะเดินทางต่อฉันยังคิดจะกลับมาทำโปรเจคต์จบที่นี่เลยด้วยซ้ำ

เพราะชีวิตแสนธรรมดาในหมู่บ้านเล็กๆ นามว่ามาร์ติสแห่งนี้ เต็มไปด้วยผู้คนน่ารักๆ ที่คอยต้อนรับและช่วยเหลือกันและกันยังไงล่ะ




แถมยังได้เห็นขบวนพาเหรดชุดพื้นเมืองของหมู่บ้านต่างๆ นั่งรถแวนไปเที่ยวชายทะเลกับเพื่อนอาสาสมัครคนอื่นอีกห้าหกคน และชิมอาหารท้องถิ่นอร่อยๆ มากมาย

แล้วฉันจะกลับมาอีกนะ มาร์ติส

You Might Also Like

0 comments

Flickr Images